นายหน้าจีนรับต่อวีซ่าถูกแทงหน้า-คอกว่า 10 แผล ดับคาเก้าอี้ห้องทำงาน

นายหน้าจีนรับต่อวีซ่าถูกแทงหน้า-คอกว่า 10 แผล ดับคาเก้าอี้ห้องทำงาน

วานนี้ (23 พ.ย.) ตำรวจสน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงเสียชีวิตภายในห้องพักของพรทิพย์อพาร์ทเมนท์ ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 5 แยก 6 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณห้องพักเลขที่ 1-4 ซึ่งเปิดเป็นสำนักงานนายหน้ารับทำวีซ่าและหนังสือเดินทาง

เจ้าหน้าที่พบศพ นายฟาง หยาง เซิน อายุ 54 ปี สัญชาติจีน 

สภาพศพนั่งเสียชีวิตอยู่เก้าอี้ทำงาน สวมเสื้อสีดำ กางเกงสีครีม มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่คอและใบหน้ารวมกว่า 10 แผล ภายในห้องพบคราบเลือดเปรอะอยู่เต็ม ที่ห้องน้ำพบมีดพกเปื้อนเลือดตกอยู่ในอ่างน้ำ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนพยานพบว่า ผู้ตายเดินทางมาทำงานอยู่ที่ประเทศไทย 20-30 ปีแล้ว โดยทำงานเป็นนายหน้าต่อวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว โดยได้เช่าห้องพักแห่งนี้เดือนละ 8,500 บาท และทำงานที่นี่มาได้ 2-3 ปีแล้ว โดยจะมีการนัดลูกค้าล่วงหน้าหากจะมาต่อวีซ่า

ก่อนเกิดเหตุก็มีลูกค้าที่นัดไว้มาต่อวีซ่า แต่เมื่อมาถึงก็ไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ จึงเคาะประตูเรียกก็ไม่เปิดประตูออกมา แต่มองผ่านกระจกเข้าไปก็พบว่ามีคราบเลือดอยู่บนพื้นห้องจำนวนมาก จึงโทรศัพท์หาภรรยาผู้ตายพร้อมแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังมีพยานเห็นว่าเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. เห็นผู้ชายตัวสูง ใส่เสื้อสีดำ กางเกงสีน้ำตาลขายาว สะพายเป้ รีบวิ่งออกไปจากห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวชายต้องสงสัย และเร่งจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยหลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว ทางตำรวจได้ออกมาชี้แจงว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นมาจากกลุ่มเด็กแว้นขี่รถหลบหนีปาดหน้ารถของผู้บาดเจ็บ ทำให้ตกใจและหยุดรถ เจ้าหน้าที่ต้องเบรกกะทันหันและถูกชนท้าย โดยตำรวจยืนยันว่าพร้อมช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่

โดยทางญาติได้โพสต์ข้อความวานนี้​​ (26 ต.ค.) ระบุว่าหญิงสาวที่เคราะห์ร้ายเสียชีวิตลงแล้ว พร้อมเขียนว่า ‘งานนี้พี่สาวผม ต้องได้รับความเป็นธรรม พี่ผมจากไปอย่างสงบ มึ_ทำให้เด็กผู้หญิง 1 คน ต้องเสียเสาหลักไป’ โดยทางครอบครัวยังติดใจการปฏิบัติงานของตำรวจ ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ พร้อมเรียกร้องขอให้มีการตรวจสอบ

วันนี้ (22 พ.ย.) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้นำกำลังเข้าทำการจับกุม นายเสรี หรือ เป้ จันทรอุดร อายุ 59 ปี ชาวจ.สงขลา ได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 57 ซ.4/2 ถ.ไชยบุรี ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง การจับกุมนี้สืบเนื่องมาจากการที่ เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ระหว่างเดือนต.ค.2548-ก.พ.2549 นายเสรีได้อยู่กินกับภรรยา ซึ่งมีลูกติด เป็นด.ญ.เอ ทั้งคู่มีบ้านพักอยู่ใน ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ระหว่างที่นางเอออกไปทำงานไม่อยู่บ้าน นายเสรีก็ได้ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราด.ญ.เอ หลายครั้งทั้งในบ้านและป่าละเมาะหลังบ้านอยู่เป็นประจำ

หนุ่มไทยจ่อยิงสาวไทยดับในร้านอาหารไทย เมืองมิสซูรี อเมริกา

วานนี้ มีรายงานจากเฟซบุ๊กเพจ SiamTownUS ว่าเกิดเหตุ หนุ่มไทยใช้อาวุธปืนยิงญาติซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานเสียชีวิตที่ร้านอาหารไทย ที่เมืองอินดีเพนเดนท์ รัฐมิสซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านอาหาร ไทย สไปซ์ (Thai Spice) ซึ่งตั้งอยู่ในช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ บนถนน อีสท์ แวลเล่ย์ วิว ปาร์คเวย์ ในเมืองดังกล่าว

ผู้ก่อเหตุคือ นายพรเทพ พลเจริญ อายุ 25 ปี ชาวเมืองลีซัมมิท รัฐมิสซูรี่ ใช้อาวุธปืน .380 คาลิเบอร์ จ่อยิงที่ศีรษะ น.ส.วาสินี แสนกรา อายุ 23 ปี ชาวเมืองบลูสปริงส์ รัฐมิสซูรี่ หนึ่งนัดทำให้เหยื่อกระสุนเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุทันที หลังมีเหตุกระทบกระทั่งในครัว และนายพรเทพ เกิดบันดาลโทสะ ซึ่งขณะเกิดเหตุนั้น ร้านยังเปิดบริการอยู่ และมีลูกค้าจำนวนหนึ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านด้วย

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหานายพรเทพในข้อหาฆาตกรรมระดับสอง พร้อมด้วยข้อหาก่ออาชญากรรมโดยพกพาอาวุธ ซึ่งเป็นข้อหาที่รัฐมิสซูรีใช้เอาผิดกับผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวกับอาวุธร้ายแรงทุกคน และเป็นข้อหาที่มีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่าสามปี

ลูกค้าสาวของร้านไทยสไปซ์รายหนึ่ง ซึ่งกำลังรับประทานอาหารที่โต๊ะใกล้ทางเดินเข้าครัว ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้ยินเสียงปืนหนึ่งนัด ก่อนจะเห็นผู้หญิงล้มลงที่พื้นครัว และกล่าวว่า ผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายคนพยายามจะช่วยชีวิตเหยื่อ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเหยื่อเสียชีวิตทันที

ลูกค้ารายนี้ยังเล่าด้วยว่า ลูกค้าในร้านถามพนักงานหลายครั้งว่าใครเป็นคนลงมือ ก่อนที่ชายเอเชียคนหนึ่ง จะตอบว่า “ผมทำเอง” (I did it) ซึ่งพยานคนนี้เป็นผู้ชี้ตัว นายพรเทพ พลเจริญ แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา

โดยนายเสรีได้ข่มขู่ว่าห้ามนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกกับใคร ไม่เช่นนั้นก็จะฆ่าให้ตาย ทำให้เด็กผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว ยอมปิดปากเงียบไม่กล้าที่จะบอกแม่ กระทั่งเวลาผ่านไปข้ามปี เพื่อนบ้านทนเห็นพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหว จึงรีบแจ้งให้นางเอทราบเรื่อง ก่อนพาลูกสาวเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองสงขลา

ต่อมาเมื่อนายเสรีรู้ข่าวว่าถูกแจ้งจับ จึงรีบหลบหนีออกจากบ้าน และไปรับจ้างทำงานก่อสร้างอยู่ที่ จ.พัทลุง หลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่นายเสรีทำงานก่อสร้างอยู่นั้น ก็ประสบอุบัติเหตุพลัดตกลงมาจากหลังคาตึก 3 ชั้น ได้รับาดเจ็บจนถึงขั้นพิการเดินไม่ได้ และต้องมาพักอาศัยอยู่กับน้องสาวที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง จนมาถูกจับกุมตัวได้

แนะนำ : เคล็ดลับต่างๆ | เว็บรวมวิธีต่างๆ How to | จัดอันดับซีรีย์ | รีวิวครีม